1.อวัจนภาษา
มีกำเนิดมาก่อนวัจนภาษา
เป็นพฤติกรรมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาในแต่ละสังคม
และมีความหมายเฉพาะที่สังคมกำหนดขึ้น แต่เนื่องจากอวัจนภาษา
ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวลักษณะธรรมชาติ ทำให้แต่ละสังคมมีอวัจนภาษาที่คล้ายคลึงกัน ในบางส่วนจัดได้ว่าอวัจนภาษาสากล
คืออวัจนภาษาที่เป็นวัฒนธรรมของคนหมู่มาก ได้แก่ การโบกมือ การโอบกอด การชี้นิ้ว
อวัจนภาษาที่มีลักษณะเฉพาะของสังคมไทยมีหลายประการดังนี้
กิริยาท่าทาง การเคลื่อนไหวร่างกาย
คนไทยไม่นิยมเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะผู้หญิง อวัจนภาษาของผู้หญิงเรื่องกิริยาท่าทางนิยมความอ่อนช้อย
นิ่มนวล ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนไปมาก
ปัจจุบัน
ผู้หญิงไทยได้รับวัฒนธรรมตะวันตกและวัฒนธรรมญี่ปุ่นเรื่องกิริยาท่าทางต่างๆ
ทำให้ความอ่อนช้อย เชื่องช้าเปลี่ยนไปประกอบกับเทคโนโลยีที่เจริญขึ้นทำให้กิริยาท่าทางเหล่านั้นต้องแปรเปลี่ยนทันกับสังคมด้วย
การสัมผัส วัฒนธรรมไทย ไม่นิยมการสัมผัสโดยเฉพาะระหว่างหญิงชาย การโอบกอดจีบมือเพื่อทักทาย
ถือเป็นวัฒนธรรมต่างชาติทั้งสิ้น ในสังคมไทยโบราณผู้ใหญ่มักเป็นผู้สัมผัสผู้น้อย
การสัมผัสระหว่างหญิงกับชายก็มักมีความหมายในเรื่องเพศ สังคมไทยไม่นิยมสัมผัสศีรษะ
ถือเป็นการดูหมิ่น เป็นต้น ปัจจุบันการสัมผัสเป็นสากลมากขึ้น ตั้งแต่การสัมผัสมือ
การเลี้ยงลูกที่มุ่งให้สัมผัส กอดรัด ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนและหญิงชายในสังคมก้อสัมผัสกันมากขึ้น
ลักษณะทางกายภาพ เช่น การแต่งกาย
สังคมไทยเป็นสังคมเมืองร้อนมักจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าบาง ไม่หนักตา
เมื่อรับวัฒนธรรมตะวันตกเรื่องกายแต่งกาย
รวมทั้งสถานที่ทำงานที่ติดเครื่องปรับอากาศ ทำให้เราแต่งกายเป็นสากลกันมากขึ้น
การใช้สายตา ผู้น้อยไม่สบตาผู้ใหญ่โดยตรง
ถือว่าเป็นการเสียมารยาทต้องรอให้ผู้ใหญ่ถามจึงจะสบตาและตอบคำถาม
เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า
แต่ละวัฒนธรรมอวัจนภาษามีความแตกต่างกันในการสื่อสารความหมาย
หากผู้ส่งสารจะต้องส่งสารต่างวัฒนธรรมจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้วัฒนธรรมของผู้รับสารให้กระจ่าง
เพื่อป้องกันปัญหาการสื่อสารอันอาจเกิดจากอวัจนภาษาได้
อ้างอิง
อวยพร พานิช.ภาษาและหลักการเขียนเพื่อการสื่อสาร.กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.2543
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น